อย่างที่ได้อธิบายไปก่อนหน้านี้ว่าระบบ ERP คืออะไร และปัจจัยในการเลือกระบบERPมีอะไรบ้าง ในบทความนี้จะกล่าวถึงรูป
แบบการติดตั้งระบบ ERP ในปัจจุบันว่าสามารถทำได้ทั้งแบบ On-Premise หรือ Cloud Based ทั้งนี้เราได้รวบรวมสิ่งที่ต้อง
เปรียบเทียบระหว่างสองวิธีนี้ เพื่อให้บริษัทได้พิจารณาเลือกแนวทางในการติดตั้งระบบ ERP ให้สอดคล้องกับความต้องการของ
บริษัทมากที่สุด
On-Premise ERP : คือระบบ ERP ที่ติดตั้งใช้งานบนเซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ในพื้นที่ของบริษัทเราเอง โดยในบริษัทจะมีทีมไอทีที่คอยดูแล
เรื่อง ระบบความปลอดภัย การสำรองข้อมูล การอัพเดตระบบปฏิบัติการต่าง การดูแลฐานข้อมูล เพื่อให้การใช้งานระบบ ERP บน
เซิร์ฟเวอร์เป็นไปได้อย่างราบรื่น และลักษณะการใช้งาน On-Premise ERP จะเป็นการซื้อขาด บริษัทมีสิทธิ์ความเป็นเจ้าของในตัว
ระบบทั้งหมด
Cloud Based ERP : คือระบบ ERP ที่ทำงานบน Cloud ของผู้ให้บริการ โดยไม่ต้องมีการติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ไว้ภายในองค์กร และไม่
ต้องดูแลระบบด้วยตนเอง เพราะผู้ให้บริการจะเป็นผู้ดูแลให้ทั้งหมด และใช้งานผ่านระบบได้ผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ต โดยการใช้งาน
ระบบจะเป็นการจ่ายค่าบริการเช่าใช้ในลักษณะ Subscription ใช้งานเป็นรายเดือน หรือรายปี ตามจำนวน License ที่จะใช้งาน
ทั้งนี้ระบบ ERP นั้นสามารถติดตั้งได้ทั้งระบบ On-Premise และ Cloud Based บริษัทลองพิจารณาถึงปัจจัยต่างๆ เพื่อใช้เป็น
แนวทางในการตัดสินใจดังนี้
1. ค่าใช้จ่าย
○ On-Premise ERP: ในการลงทุนเริ่มต้นระบบERP On-Premiseจะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า เนื่องจากเป็นการซื้อขาดแต่ก็จะได้
ประโยชน์ที่บริษัทเป็นเจ้าของระบบทั้งหมด แต่ทั้งนี้อาจมีค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ประกอบกันไป เช่น ค่าจ้างพนักงานไอทีดูแลระบบ ค่าไฟ ค่า
อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ เซิร์ฟเวอร์ ค่าอัพเกรดระบบเป็นต้น
○ Cloud Based ERP: การลงทุนเริ่มต้นของระบบ ERP Cloud Based จะต่ำกว่า เพราะเป็นลักษณะการเช่าใช้ (Subscription)
จ่ายตามการใช้งานจริงเป็นรายเดือนรายปี และมีการปรับเปลี่ยนงบประมาณไปตามสเป็คที่ต้องการใช้งานจริง
2. บุคลากรดูแลระบบ
○ On-Premise ERP : ควรจะมีบุคลากรด้านไอทีที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลระบบ เช่น Data admin, Infrastructure เป็นต้น
เพราะการติดตั้งและการดูแลรักษาระบบนั้นควรต้องมีผู้เชี่ยวชาญในบริษัทคอยดูแลให้
○ Cloud Based ERP : ไม่จำเป็นต้องมีบุคลากรด้านไอที เพราะ Cloud Based การให้บริการติดตั้งทั้งหมดจะทำโดย service
provider เจ้าหน้าที่ในบริษัทมีหน้าที่เพียงติดตามและอัพเดตเครื่องมือที่มีให้ก็เพียงพอ
3. การบริหารความปลอดภัยและการจัดเก็บข้อมูล
○ On-Premise ERP : ข้อมูลจะจัดเก็บไว้ที่เซิร์ฟเวอร์ที่อยู่ภายในบริษัท การบริหารความปลอดภัยเป็นไปตามการออกแบบของ
ไอทีภายในองค์กร แต่ในความรู้สึก ย่อมรู้สึกว่าปลอดภัยกว่าฝากไว้ที่ Cloud แต่ก็ต้องคำนึงถึงการจัดการความปลอดภัยและมีทีม
ไอทีที่คอยดูแลให้สามารถเข้าใช้งานระบบได้ตลอดเวลา
○ Cloud Based ERP : มีเครื่องมือในการบริหารความปลอดภัยให้อัตโนมัติโดยบริษัทไม่ต้องเตรียมทีม IT เพื่อดูแลรักษาความ
ปลอดภัยของเซิร์ฟเวอร์ เนื่องจากหน้าที่นี้จะเป็นของผู้ให้บริการCloud นอกจากนั้นจะมีนโยบายการรักษาความปลอดภัยที่สำรอง
ข้อมูลไว้หลายจุด ยากต่อการเจาะข้อมูล และสะดวกในการกู้ใช้ข้อมูล
4. การปรับใช้งานตามสภาพแวดล้อม
○ On-Premise ERP : โดยมากจะเป็นไปตามสเป็คที่มีการจัดซื้อไว้เริ่มต้น ซึ่งส่วนมากมักจะซื้อสเป็คที่เผื่อการใช้งานไว้เสมอ อาจ
จะเป็นการลงทุนก้อนใหญ่ที่ไม่สัมพันธ์กับปริมาณที่ใช้จริงในเริ่มต้น
○ Cloud Based ERP : สามารถปรับเปลี่ยนขนาดของการใช้งานได้ตามปริมาณข้อมูลที่ใช้จริง โดยเริ่มต้นที่สเป็คต่ำตามปริมาณ
ข้อมูลและปรับเปลี่ยนขนาดของพื้นที่ตามปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นได้
5. การบำรุงรักษาระบบและการอัพเกรดซอฟต์แวร์
○ On-Premise ERP: ปกติการใช้งานระบบ ERP On-Premise จะมีการจ่ายค่าบำรุงรักษาระบบในทุกปี กรณีที่มีการอัพเกรด
เวอร์ชั่นก็ต้องพิจารณาให้สัมพันธ์กับฟังก์ชั่นการใช้งาน ระบบปฏิบัติการและตัวฮาร์ดแวร์ ซึ่งมักจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม รวมถึงใช้เวลา
ในการดำเนินการ
○ Cloud Based ERP: ระบบ ERP Cloud Based จะมาคู่กับการอัพเกรดซอฟต์แวร์ให้อัตโนมัติในเวอร์ชั่นล่าสุด ไม่ต้องมีการ
จ่ายค่าบำรุงรักษาระบบรายปี และไม่ต้องใช้เวลาในการดำเนินการ แต่ก็จะมีข้อจำกัดคือจะเป็นรูปแบบโดยรวม ไม่ได้เฉพาะเจาะจงเข้า
กับบริษัทโดยตรง เพราะเป็นการอัพเกรดตามมาตรฐานรวมที่ผู้ให้บริการจัดทำมา
หากท่านต้องการข้อมูลเพิ่มเติมว่าระบบ ERP แบบ On-Premise หรือ Cloud Based จะเหมาะกับองค์กรและตอบโจทย์การดำเนินธุรกิจมากที่สุด ติดต่อเราเพื่อให้ทีมงานผู้เชี่ยวชาญของเราให้คำแนะนำ
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ mcframe ได้ที่